รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าจิ้งจอกแดง (Fushimi Inari Shrine)

Fushimi-Inari-Shrine

ณ เมืองเกียวโต (Kyoto) ประเทศญี่ปุ่น ในฤดูใบไม้ร่วงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ใครที่ไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงนี้จะมีโอกาสได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีเรียงรายกันไปตามถนนหนทางและสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วทั้งเมืองเกียวโต ลงไปทางใต้ของเมือง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนเมืองเกียวโตนั้นจะต้องไปเยือน และที่นี่คือจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ด้วยเช่นกัน สถานที่แห่งนี้ก็คือ “ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine)” หรือที่คนไทยชอบเรียกติดปากว่า “ศาลเจ้าจิ้งจอกแดง”

การเดินทาง

เราเริ่มเดินทางจากสถานี Kyoto โดยนั่งรถไฟสาย JR Nara Line มาลงที่สถานี Inari ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 นาที เมื่อลงรถแล้วเดินออกมาจากสถานีรถไฟ Inari ไม่ไกลนัก เราจะเจอกับทางเข้าของศาลเจ้า โดยจะเห็นประตูเสาโทริอิ (Torii) ขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเรากำลังจะเดินทางเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าแห่งศาสนาชินโตแล้ว

ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine)

ตั้งอยู่บนภูเขาอินาริ ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าอินาริ เมื่อปี ค.ศ.711 จากความเชื่อของชาวบ้านที่เชื่อว่าเทพเจ้าอินาริเป็นเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก และเชื่อกันว่าเทพเจ้าอินาริมีสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสาร เราจึงได้เห็นรูปปั้นของสุนัขจิ้งจอกตั้งเรียงรายอยู่ตามมุมต่างๆ ทั่วศาลเจ้า ต่อมาในปี ค.ศ.1499 ได้มีการบูรณะตัวอาคารหลักของศาลเจ้า (Hoden) ซึ่งเป็นอาคารที่ตั้งอยู่ด้านหน้า เอกลักษณ์ของศาลเจ้าแห่งนี้คือ เสาโทริอิ (Torii) ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่นับพันต้น

Fushimi-Shrine

เสาโทริอิ (Torii)

            เมื่อเดินผ่านตัวอาคารหลักเข้ามา เราจะพบกับเสาโทริอิ (Torii) นับพันต้น ตั้งเรียงรายรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าบัดนี้ เราได้เดินทางเข้ามาสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าแห่งศาสนาชินโตแล้ว ธรรมเนียมปฏิบัติในการมาเยี่ยมชมศาลเจ้าญี่ปุ่นคือต้องชำระล้างร่างกายก่อน โดยเริ่มจาก

– ใช้มือขวาจับกระบวยตักน้ำล้างมือซ้าย

– ใช้มือซ้ายจับกระบวยตักน้ำล้างมือขวา

– ใช้มือขวาจับกระบวยตักน้ำรินใส่มือซ้ายเพื่อล้างปาก

– ใช้น้ำที่เหลือในกระบวยล้างมือซ้ายอีกครั้งหนึ่ง

– แล้วจึงจบด้วยการล้างกระบวย โดยตักน้ำขึ้นมาแล้วปล่อยให้น้ำไหลผ่านที่จับ

เมื่อชำระล้างร่างกายเสร็จเรียบร้อย เราก็เริ่มเดินเที่ยวชมรอบๆ บริเวณศาลเจ้า เราพบกับร้านค้าเล็กๆ และพบว่ามันคือร้านขายเครื่องรางที่สามารถซื้อหาไปเป็นของฝากได้ เลยร้านขายเครื่องรางเข้าไป เราพบกับเสาโทริอิจำนวนมากตั้งเรียงรายรอต้อนรับเราอยู่นับร้อยนับต้นพัน สร้างความตื่นตาตื่นใจและสร้างความประทับใจในแรงศรัทธาของคนญี่ปุ่นที่มีต่อเทพเจ้าในศาสนาชินโตของพวกเขา และพร้อมใจกันบริจาคต้นเสาโทริอิไว้ให้เป็นสัญลักษณ์แห่งแรงศรัทธา ต้นเสาโทริอิ   1 ต้น มีมูลค่าราว 3 แสน ถึง 1 ล้านเยน หรือประมาณ 87,000 บาท ถึง 292,000 บาท  โดยบนต้นเสาแต่ละต้นมีการเขียนชื่อของผู้บริจาค พร้อมกับวันเดือนปีที่บริจาคไว้ด้วย

เมื่อเดินมาเรื่อยๆ จะพบกับทางแยกซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเกียวโตได้ชัดเจน อากาศที่บริสุทธิ์ท่ามกลางภูเขาที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี พร้อมกับวิวของเมืองเกียวโตที่ได้เห็นอยู่เบื้องหน้า ทำให้เรารู้สึกประทับใจอย่างยิ่งที่ได้มาเยือน เราเดินเที่ยวชมพร้อมบันทึกภาพความสวยงามและความประทับใจเอาไว้ในกล้องคู่ใจจนพอใจแล้วจึงเดินทางกลับ ใช้เวลาเดินเที่ยวชมรอบบริเวณศาลเจ้าแห่งนี้โดยประมาณ 1 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวท่านใดที่ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองเกียวโตแล้ว อย่าลืมที่จะไปเยี่ยมชมศาลเจ้าจิ้งจอกแดงแห่งนี้ ซึ่งเปิดรอรับนักท่องเที่ยวทุกวัน โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชม