รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น วัดเซนโซจิ หรือ วัดอาสากุซะ หรือวัดโคมแดง

Asakusa-Temple

ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศหนึ่งที่มีประชากรจำนวนไม่น้อยในประเทศนับถือศาสนาพุทธ วันนี้เราจะพาไปเที่ยวชมวัดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว เชื่อว่านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เคยไปเยือนเมืองโตเกียวนั้น จะต้องเคยไปที่วัดนี้ วัดเซนโซจิ หรือ วัดอาสากุซะ หรือวัดโคมแดง                เอกลักษณ์ของวัดเซนโซจิ หรือ วัดอาสากุซะ หรือวัดโคมแดง คือคามินาริมง (Kaminarimon Gate) โคมแดงขนาดใหญ่ที่อยู่ที่วัดนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์คู่กับวัดนี้ก็คือ ถนนนามิเสะ ถนนที่ทอดยาวตรงเข้าไปภายในตัววัด มีร้านค้าเก่าแก่มากมายตั้งเรียงรายอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของถนน ถือเป็นถนนแห่งการช้อปปิ้งทั้งของฝาก ของที่ระลึกและขนมอร่อยๆ มากมาย แต่หากเราซื้อขนมจากร้านใดแล้วเราต้องรับประทานอยู่ตรงหน้าร้านเท่านั้น ห้ามเดินด้วยไปรับประทานไปด้วย ถือเป็นกฎของร้านค้าที่ถนนแห่งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาความสกปรกและปัญหาขยะนั่นเอง                                         

ตำนานของวัดเซนโซจิ เล่าขานว่ามีพี่น้องชาวประมงออกเดินทางไปตกปลาที่แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) และตกได้ รูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิม พวกเขาพยายามทิ้งรูปปั้นคืนลงไปในแม่น้ำแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ทุกครั้งที่พวกเขาโยนรูปปั้นลงไปในน้ำรูปปั้นดังกล่าวก็จะกลับมาหาพวกเขาทุกครั้ง พวกเขาจึงได้นำรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมกลับมา และได้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ.645 เพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นดังกล่าว ต่อมาเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 วัดเซนโซจิได้ถูกทำลายลงและถูกสร้างขึ้นใหม่ในเวลาต่อมา เพื่อให้เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวโตเกียวจนกลายมาเป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน

Red-light-temple

การเที่ยวชมวัดเซนโซจิ เราต้องเดินผ่านประตูฟูไรจินมง (Furaijinmon) ชื่อทางการของคามินาริมงหรือโคมแดงขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณประตูทางเข้าวัด ซึ่งโคมแดงขนาดใหญ่นี้จะถูกเปลี่ยนทุกๆ 10 ปี จุดนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมมาถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก ถัดจากประตูคามินาริมงเข้าไปจะเป็นโบสถ์ที่ชื่อว่า โคมากาตะ เชื่อกันว่าโบสถ์แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมที่ถูกพบโดยสองพี่น้องชาวประมง บริเวณด้านหน้าถัดมาจะพบกับกระถางธูปขนาดใหญ่ ซึ่งมีชื่อว่า โจโคโระ คนญี่ปุ่นนิยมมาอาบควันธูปบริเวณนี้ เพราะมีความเชื่อว่าควันธูปจะช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ออกไปจากร่างกายได้ ต่อมาคือ ฮนโด หรือที่สักการะขอพรพระคันนอนที่ประดิษฐานอยู่ด้านในสุด วิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดเซนโซจิแห่งนี้คือ ให้เราพนมมือไว้ที่หน้าอกแล้วกล่าวว่า “นันมุคันเสะองโบะซัตสึ” อีกสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเมื่อมามาถึงวัดนี้คือการเสี่ยงเซียมซี ซึ่งมีจุดเสี่ยงเซียมซีตั้งอยู่หลายจุด โดยชนิดของเซียมซีจะมีอยู่ 7 ชนิด ไล่เรียงลำดับจากใบที่โชคดีที่สุดไปจนถึงใบที่โชคร้ายที่สุด สุดท้ายก่อนกลับเราสามารถเดินไปขอรับกระดาษที่มีตราประทับชื่อวัดและวันที่ไปสักการะขอพรไว้ กระดาษนี้ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โกะชุอิน ถือเป็นของที่ระลึกในการได้มาสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดแห่งนี้ วัดเซนโซจิเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่บริเวณศาลาวัดจะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 17.00 น. และในเดือนตุลาคม – เดือนมีนาคมเปิดเวลา 06.30 – 17.00 น.